หลุยส์ซัวเรซและแอตเลติโกมาดริดดาวดังร่วมฉลองกับแฟน ๆ ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาตลอดฤดูกาลหลังจากคว้าแชมป์ลาลีกา
ผู้สนับสนุนสามพันคนรวมตัวกันนอกสนามกีฬา Jose Zorilla ของเรอัลบายาโดลิดขณะที่แอตเลติโกมาจากด้านหลังเพื่อชนะ 2-1 และเอาชนะคู่แข่งอย่างเรอัลมาดริดเพื่อชิงตำแหน่ง
จากนั้นทีมก็กลับไปที่มาดริดเพื่อเฉลิมฉลองมากขึ้นโดยมีแฟน ๆ หลายพันคนมารวมตัวกันนอกสนามกีฬา Wanda Metropolitano พร้อมกับพลุและปาร์ตี้
หลังจากอยู่ในอันดับต้น ๆ ตั้งแต่เดือนธันวาคมและหลังจากเกือบทิ้งห่าง 10 แต้มในเดือนกุมภาพันธ์ความโล่งใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้เล่นแอตเลติโก
ผู้จัดการดิเอโกซิเมโอเน่จ่ายส่วยหลังความท้าทายในฤดูกาลที่เกิดจากการระบาด
“มันพูดถึงสโมสรและทีมที่สร้างขึ้นจากสิ่งที่แตกต่างออกไป” ซิเมโอเน่กล่าว
แอตเลติโกพบว่ามันยากในการเจอกับบายาโดลิดโดยซัวเรซจะเป็นผู้ชนะหลังจากที่พวกเขาตามหลังไปแล้ว
“ทุกคนบอกคุณว่าความทุกข์ทรมานเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ของแอตเลติโก” ซัวเรซกล่าว “ ฉันไม่คิดว่าเราจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้น”
เป็นเพียงครั้งที่สองใน 17 ฤดูกาลที่ทั้งบาร์เซโลนาและเรอัลมาดริดไม่ได้รับตำแหน่งแชมป์อีกครั้งเมื่อแอตเลติโกคว้าแชมป์ลาลีกาในปี 2014
และผู้ชนะการหัวเราะครั้งสุดท้ายของลาลีกาในฤดูกาลนี้ตกเป็นของ … หลุยส์ซัวเรซ! เมื่อบาร์เซโลนาแยกทางกับกองหน้าชาวอุรุกวัยอย่างไม่เป็นท่าเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาโรนัลโด้โคแมนผู้จัดการคนใหม่ถือว่าเป็นผู้ทำประตูให้บาร์ซ่า 198 ประตูต่อแผนของเขาทำให้รู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่อาจย้อนกลับไป
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนแรกบาร์เซโลนาสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นในระดับที่พิสูจน์แล้วกองหน้าตัวตายและเพื่อนร่วมทีมที่ลิโอเนลเมสซีโปรดปรานได้หรือไม่ นั่นคือตอนที่ซัวเรซคาดว่าจะเข้าร่วมยูเวนตุสแชมป์อิตาลี
เมื่อเขาก้าวไปสู่เมืองหลวงของสเปนหลังจากย้ายไปตูรินได้สำเร็จด้วยค่าธรรมเนียมการโอนเงินสูงสุด 6 ล้านยูโรมันทำให้เกิดความรู้สึกเป็นลางสังหรณ์ Barca สร้างความแข็งแกร่งให้กับคู่แข่งโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่กำจัดตัวเองจาก No 9 ที่เปลี่ยนเกม
ตอนนี้มีลีกาเต็มฤดูกาลที่จะสะท้อนปัจจัยของซัวเรซได้สร้างความแตกต่างอย่างแน่นอน ในขณะที่อุรุกวัยกำลังเฉลิมฉลองตำแหน่งกับเพื่อนร่วมทีมแอตเลติโกมาดริดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาการรณรงค์ของบาร์เซโลนาได้ดำเนินไปในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายของ Eibar ซึ่งเกมสุดท้ายของพวกเขาที่พวกเขาชนะ 1-0 ถือว่าไม่สำคัญอย่างยิ่งที่กัปตันเมสซี่ได้รับอนุญาต จบฤดูกาลก่อนกำหนด บาร์ซ่าคว้าอันดับสามเจ็ดแต้มตามหลังแอตเลติโก
ในบายาโดลิดเงินเดิมพันค่อนข้างสูงกว่าสำหรับทั้งสองทีมโดยที่เจ้าภาพยังคงยึดติดกับความหวังในการอยู่รอดที่เลือนลางและแอตเลติโกตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้สองแต้มเหนือเรอัลมาดริดหลุดมือในวันสุดท้าย
บายาโดลิดเป็นฝ่ายขึ้นนำในนาทีที่ 18 เมื่อออสการ์พลาโนย้ายทีมได้สำเร็จ ในฐานะที่เป็นโชคดีสำหรับแอตเลติโกเรอัลมาดริดก็พบว่าตัวเองตามหลังบียาร์เรอัลในครึ่งแรกเพื่อให้แน่ใจว่าครึ่งแดงและขาวของเมืองยังคงได้เปรียบ
แอตเลติโกดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากพักครึ่งและได้รับอีควอไลเซอร์ที่สมควรได้รับเมื่ออังเคลคอร์เรียแสดงเท้าเร็วก่อนที่จะโยนบอลกลับบ้านด้วยการจบสกอร์ต่ำ
จากนั้น 10 นาทีต่อมามีใครอีกบ้างนอกจากซัวเรซที่จะเพิ่มพลังให้ทีมของเขาอย่างมากโดยการทำประตูที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นประตูที่ชนะหลังจากแข่งไปบนแบ็คพาสที่เละเทะ มันเป็นประตูในลาลีกาที่ 21 ของเขาในฤดูกาลนี้
การนำห้าแต้มของแอตเลติโกเหนือเรอัลมาดริดดำเนินไปจนถึงสองนาทีสุดท้ายเมื่อคู่แข่งของพวกเขาทำประตูได้สองครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็วผ่านคาริมเบนเซมาและลูก้าโมดริชเพื่อเอาชนะบียาร์เรอัล 2-1 เป้าหมายในการคว้าชัยชนะของซัวเรซปิดผนึกตำแหน่งไว้ในท้ายที่สุด
มันให้ความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฤดูกาลของแอตเลติโกและการมีส่วนร่วมของซัวเรซในแคมเปญคว้าแชมป์ของพวกเขา บาร์เซโลน่าสามารถแทนที่ประตูของซัวเรซได้ในบางวิธี – ชาวคาตาลันแซงหน้าแอตเลติโก 85 ถึง 67 แต่พวกเขาพลาดแนวทางที่ไร้ความปรานีอย่างไม่ต้องสงสัยของอุรุกวัยในเกมและประสบการณ์ของเขาในช่วงกดดัน
บาร์เซโลนาทิ้งเขาไปโดยรู้สึกว่าเมื่ออายุ 34 ปีซัวเรซไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับตำแหน่งอีกต่อไป วิธีที่เขาพิสูจน์ว่าพวกเขาผิดและมันอาจทำให้ Koeman เสียค่าใช้จ่ายในการทำงาน
“ผมดีใจมากที่แอตเลติโกชื่นชมผม” ซัวเรซอารมณ์ดีกล่าว “พวกเขาเปิดโอกาสให้ฉันได้แสดงว่าฉันยังสามารถแสดงบนเวทีนี้ได้ขอบคุณที่ไว้วางใจในตัวฉัน”
ท้ายที่สุดแล้วการคว้าแชมป์ของแอตเลติโกเป็นความพยายามของทีมอย่างแท้จริง ในขณะที่เรอัลมาดริดพึ่งพาเบนเซม่าอย่างมากในฤดูกาลนี้และบาร์เซโลนายังคงวางภาระส่วนใหญ่ไว้ที่เมสซี่แอตเลติโกได้ร่วมกันรับผิดชอบ
Marcos Llorente ยิงได้ 12 ประตูและช่วยได้ 12 ประตูและ Correra ทำประตูได้ 17 ประตู – ยิงได้เก้าประตู, 8 แอสซิสต์ – ในขณะที่ Joao Felix และ Yannick Carrasco ก็ทำประตูได้ถึงสองเท่าในการทำประตูและแอสซิสต์
สำหรับความสามารถเฉพาะตัวของเขาที่มีต่อบาร์ซ่าซัวเรซเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมเสมอมาและเขาได้พบทีมและโค้ชที่ชื่นชมและใช้ทักษะของเขา
“งานของผมคือการช่วยเหลือทีมและตอบแทนพวกเขาด้วยการทำประตู” ซัวเรซกล่าว “แอตเลติโกเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่และเราแสดงให้เห็นแล้วในฤดูกาลนี้เราเป็นนักเตะที่เล่นได้สม่ำเสมอที่สุดและนั่นคือเหตุผลที่เราเป็นแชมป์”
ในปี 2010 เขากัดเข้าที่บริเวณคอของ อ็อตมัน บัคคาล ดาวเตะของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในเวลานั้น ตามมาด้วย 4 ปีต่อมา เขาทำมันอีกหนในศึกพรีเมียร์ลีก กับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลัง เชลซี และอีกครั้งในศึกฟุตบอลโลก ที่ประเทศบราซิล และคู่กรณีของเขาคือ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เซนเตอร์แบ็กทีมชาติอิตาลี
ไหนจะมีช็อตแฮนด์บอลในเกมฟุตบอลโลก 2010 กับกาน่า และคดีวิวาทกับ ปาทริซ เอวร่า กองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้น ด้วยข้อหา “เหยียดผิว”
ทุกปัญหาเกิดเพราะเหตุ และแม้กระแสสังคมจะโจมตีซัวเรซว่าเป็นนักเตะที่มีปัญหาทางจิต หรือเป็นจอมเหยียดผิวก็ตาม แต่ถ้าให้เลือกได้เขาก็ไม่อยากจะให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น
แล้วใคร? ที่จะช่วย ซัวเรซ ได้บ้าง ในมุมหนึ่งที่เขาต้องเจอกับเรื่องราวเหล่านี้ โดนคำด่าทอไม่หยุดหย่อน และคนครึ่งโลกมองเขาผิดปกติไม่เหมือนคนอื่น ต้องมีสักคนที่จะยืนเคียงข้างเขา นอกจากเพื่อนร่วมทีม นอกจากโค้ช
และในเมื่อซัวเรซไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่ที่มากพอ เนื่องจากทั้งคู่แยกทางกัน เขาจึงเหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวในโลก
แต่โชคยังดีที่เขามีผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่าง “โซเฟีย บัลบี” ที่คอยประคองชีวิตของเขานับตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงวันนี้ที่ หลุยส์ ซัวเรซ ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในอาชีพนักฟุตบอล
โซเฟีย บัลบี เดินทางมาถึงที่นัดหมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่า ชายหนุ่มที่นัดเธอเอาไว้รออยู่ที่ใด ในเวลานั้น ทั้งคู่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ และฝนที่ตั้งเค้ามานานก็ถล่มลงมาด้านนอก เธอจึงวิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์อย่างทุลักทุเล เพื่อใช้โทรศัพท์หยอดตู้เพื่อติดต่อที่บ้านของเขา พี่สาวของเขารับสาย ก่อนจะตอบเธอว่า “เขาไม่อยู่
สาวเจ้างงอยู่พักหนึ่ง ใจก็แอบเคืองหนุ่มน้อยที่แอบไปหา “สาว” ที่ไหนก็ไม่รู้ อาจไม่ใช่เธอก็ได้ แถมเธอยังต้องมายืนรอผู้ชายท่ามกลางฝนที่ตกหนักอีก
หลังจากยืนตากฝนอยู่นาน โซเฟีย ตัดสินใจเดินเข้ามาในห้าง ร่างเปียกโชก เธอเพียงแต่ต้องการหาที่หลบฝน ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่เธอนัดเอาไว้ก็เดินเข้าไปทักเธออย่างใสซื่อ ถามเธอว่า ไปไหนมา และทำไมถึงเปียก
น่าเสียดายที่ครั้งนั้นไม่ใช่เดตด้วยซ้ำ เมื่อครอบครัวของเธอ มาตามเธอถึงที่ห้าง และดึงเธอกลับบ้านไปพอดี แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ หลุยส์ และ โซเฟีย เริ่มสานสายใยความผูกพัน เขาและเธอติดต่อพูดคุยกันตลอดหลังจากนั้น